หลักพุทธศาสนาแท้
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑
วันนี้เป็นวันเข้าพรรษา ตั้งแต่บัดนี้ต่อไปพระท่านจะรับบิณฑบาตนอกวัด
ตามกฎของธุดงค์ข้อนี้ ก้าวเข้ามาในวัดแล้วรับไม่ได้ ธุดงค์ขาด
จึงต้องได้รับนอกวัด
ธุดงค์ข้อนี้เรียกว่ารับบิณฑบาตภายนอกบริเวณที่อยู่
แล้วเวลารับมาแล้วไม่ให้รับที่ไหนอีกต่อไป
เพราะฉะนั้นผู้ต้องการจะใส่บาตรจึงต้องออกไปรออยู่นอกวัดแล้วใส่
นี่เรียกธุดงค์ข้อหนึ่ง
ธุดงค์ข้อหนึ่งก็คือ ฉันหนเดียว ฉันหนเดียวเท่านั้น
เรียกว่าธุดงค์อีกข้อหนึ่ง
อยู่ในป่า ธุดงค์ข้อหนึ่ง อยู่ในป่าช้า ก็เป็นธุดงค์ข้อหนึ่ง
ธุดงค์คือเครื่องกำจัดกิเลส แปลแล้ว
ธุดงค์แปลว่าเครื่องกำจัดกิเลสซึ่งเป็นข้าศึกอยู่ภายในจิตใจ
อุบายวิธีการเหล่านี้เป็นอุบายช่วยหนุนเพื่อแก้กิเลสๆ
ตัวผู้แก้กิเลสจริงๆ คือใจ สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องหนุน
บิณฑบาตประจำ เมื่อยังฉันอยู่ต้องไปบิณฑบาต
นอกจากไม่ฉันก็ไม่ขาดธุดงค์ข้อนี้ คือไม่ฉันก็ไม่ไป
ถ้ายังฉันอยู่ต้องไป เรียกว่าธุดงค์ข้อนี้ข้อหนึ่ง
เนสัชชิ ไม่หลับไม่นอน จะกำหนดไว้อธิษฐานกี่คืนก็ตาม ในนั้นต้องไม่นอน
เรียกธุดงค์ข้อนี้
อยู่รุกขมูลร่มไม้เหล่านี้ เป็นธุดงค์แต่ละข้อ ๆ
ธุดงค์ทั้งหมดมี ๑๓ ข้อ เพื่อกำจัดกิเลสของพระ
ธุดงค์เหล่านี้เกี่ยวกับประชาชน จึงต้องได้บอกกับประชาชนให้ทราบ
เช่น การรับบิณฑบาต นี่เกี่ยวกับประชาชน ต้องได้เตือนให้ทราบ
ไม่อย่างนั้นจะไม่เข้าใจธุดงค์ของพระ เราจึงต้องบอกเอาไว้
นี่ละครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าท่านพาดำเนินมาอย่างนี้ ท่านไม่ฟู่ฟ่า
ไม่เหลือเฟือ
ผู้ปฏิบัติตามหลักศาสนาจึงเป็นผู้สบายมากนะ อยู่ง่าย กินง่าย นอนง่าย
ไปง่าย มาง่าย การจับจ่ายใช้สอยง่ายมาก ๆ
นี่ละศาสนาไม่สอนให้คนฟุ้งเฟ้อเห่อคะนอง
สอนคนให้มีความสงบ เจียมตัว ยินดีเฉพาะของมีอยู่ๆ
ไม่ดิ้นรนกระวนกระวายจนเกินเหตุเกินผลถึงกับสร้างทุกข์ให้ตัวเอง
นี่เรียกว่าศาสนา คือกินก็ง่าย คนมีศาสนาเป็นชาวพุทธของเรา กินง่าย
นอนง่าย
คือมีอะไรกินได้เลยสบาย นอนล้มลงที่ไหนได้สบาย
ไม่ต้องฟู่ฟ่าฟู่ฟี่ด้วยที่หลับที่นอนที่อยู่ที่กิน
อันนั้นเป็นเรื่องของกิเลสครอบหัวใจคน
แล้วก็สร้างทุกข์เข้าหัวใจคนอีกทีหนึ่ง มีแต่กองทุกข์
ฟู่ฟ่าหรูหราเท่าไรยิ่งกองทุกข์มาก ความกังวล ความขวนขวาย
ความดิ้นรนมีมาก
สร้างกองทุกข์ให้มากขึ้นโดยลำดับ
เมื่อตัดสิ่งเหล่านี้ลงไปกองทุกข์ก็อ่อนลงไปด้วยกันๆ
เมื่ออยู่ง่ายกินง่ายแล้วกองทุกข์ไม่ค่อยมี สบายเลย
อย่าพากันหรูหราฟู่ฟ่าจนเกินไปนะ เราเป็นลูกศิษย์ตถาคต
สำหรับพระท่าน ผ้าท่านก็มี ๓ ผืนเท่านั้นละ จีวร สบง สังฆาฏิ แล้วผ้าอาบน้ำฝน
แต่ก่อนไม่มีผ้าอาบน้ำ ผ้าอาบน้ำท่านมาบัญญัติทีหลัง ให้มีผ้าอาบน้ำ
คือแต่ก่อนไม่มีผ้าอาบน้ำยังไง คือเวลาจะอาบน้ำก็
พระก็แก้ผ้าแล้วลงอาบเลย
พระวินัยมีอย่างนั้นเราก็พูดตามพระวินัย จะหยาบไปไหน
ผู้ที่มันเป็นแก้ผ้าอาบน้ำไม่เห็นว่าหยาบ
พอดีนางวิสาขาออกมาวัด มาเห็นพระแก้ผ้าอาบน้ำอยู่
เลยไปกราบทูลพระพุทธเจ้า
โอ๊ย ทำไมสมณะเราเป็นเพศที่สวยงามที่สุด ทำไมพระท่านแก้ผ้าอาบน้ำ
นางวิสาขาไปฟ้องพระพุทธเจ้า
ถ้างั้นเราตถาคตจะเพิ่มข้อบัญญัติไม่ให้พระอาบน้ำเปลือยกาย
แต่มีข้อแม้ คือถ้าอยู่ในที่เปิดเผยให้นุ่งผ้าอาบน้ำอาบน้ำ
ถ้าเข้าในที่ลับหรืออยู่ในห้อง หรืออยู่ในที่ลับ ก็แก้ผ้าได้
ท่านมีข้อบัญญัติอนุญาตไว้อย่างนั้นนะ เพราะฉะนั้นพระจึงแก้ผ้าก็ได้
นุ่งผ้าก็ได้
แก้ผ้าในที่กำบัง นุ่งผ้าในที่เปิดเผยได้
ให้รู้เสียพระวินัยของพระเป็นอย่างนั้น
ให้เข้าใจนะ ธุดงควัตร ท่านมีข้อวัตรปฏิบัติ
พระท่านเข้มงวดกวดขันทำความพากความเพียรมากนะ
ในพรรษาไม่ได้ไปที่ไหนมาที่ไหน ไม่ต้องเป็นกังวล
มีแต่เร่งทำความพากเพียรชำระจิตใจ
นี้หลักพระพุทธศาสนาแท้เป็นอย่างนี้ให้ฟังเอา
มีแต่การชำระจิตใจ ไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายกับอะไร
เสาะแสวงหาแต่อรรถแต่ธรรมอย่างเดียว
ไม่ยุ่งเหยิงกับสิ่งของเงินทองอะไรทั้งนั้น
สิ่งเหล่านั้นท่านไม่ให้เข้ามายุ่ง
ให้ยุ่งตั้งแต่เรื่องอรรถเรื่องธรรมถ่ายเดียว
พวกเราก็เวลาเข้าพรรษานี้ควรจะมีข้อบังคับตัวเองให้เป็นหลักเป็นเกณฑ์
เช่น ให้ทาน วันหนึ่งไม่ให้ขาด แม้ไม่ได้มาก
ขอให้ได้ทานวันหนึ่งถวายพระองค์หนึ่งก็ยังดี อย่าให้ขาดไปวันหนึ่งๆ
พวกเมาสุรา ยาเสพติดนี้ให้ตัดขาดไปเลย
ทำไมตัดไม่ได้ ธรรมะพระพุทธเจ้าตัดไม่ได้แล้ว
เป็นคนหมดคุณค่าจริง ๆ ไม่มีทาง ต้องเอาธรรมะมาตัด
พระพุทธเจ้าเคยเอาธรรมะไปตัดกิเลสทั้งหลายมามากต่อมาก
ชนะมามากต่อมากแล้ว ทำไมเราจึงไม่เอามาตัดบ้าง
เราเป็นลูกชาวพุทธ ให้พากันมีกฎเกณฑ์ ไหว้พระอย่าให้ขาดวันหนึ่งๆ
ใครจะตั้งสัจอธิษฐานละความชั่วประเภทใด เอาให้ขาดๆ
นี่เรียกว่ามีสัตย์มีจริงมีหลักมีฐาน
เวลาจะเป็นจะตายจิตจะประหวัดเข้าสู่ความดีของตัวเอง แล้วมีความดีเกาะ
ถ้ามีแต่ความชั่วแล้วเป็นฟืนเป็นไฟ เกาะที่ไหนเผาไหม้ที่นั่นแหลกไปเลย
...........................................
เทศน์เท่านั้นแหละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น