วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

อวโลกิเตศวร-กวนอิม

ปางที่ ๑ อวโลกิเตศวรถือกิ่งหลิว (杨柳观音หยางจือกวนอิน)
รูปลักษณะ : พระหัตถ์ซ้ายทำอภัยมุทรา พระหัตถ์ขวาถือกิ่งหลิ่ว ประทับบนหินผา พระหัตถ์ที่ถือกิ่งหลิ่วเป็นไภษัชยธรรม (ธรรมอันเป็นยา) สามารถขจัดโรคทั้งหลายได้ ในกวนอิมพันมือก็มีมือหนึ่งที่ถือกิ่งหลิ่ว ซึ่งในคัมภีร์สหัสรกรสหัสรเนตรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาเมตตาจิตธารณี (大正No. 1064 ) และคัมภีร์สหัสรรัศมีเนตรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์คุหยธรรมสูตร (大正No. 1065 ) กล่าวไว้ว่า พระอวโลกิเตศวรทรงถือกิ่งหลิ่วและคนโทบริสุทธิ์ ทรงสาดน้ำคืออมฤตธรรมให้ปกแผ่ไปทั่วด้วยจิตมีประกอบด้วยความเมตตากรุณาที่ยิ่งใหญ่ เพื่อดับทุกข์ดับภัยแก่สรรพสัตว์
เทียบในสมันตมุข : ฉบับสันสกฤตหน้าที่ ๒๔๓ ข้อที่ ๑๘ กล่าวว่า พระองค์ (อวโลกิเตศวร) เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยบารมีแห่งกำลังอิทธิฤทธิ์ ทรงศึกษาในวิทยาและอุบายอย่างกว้างขวาง ทรงปราฏกในโลกทุกส่วน จากทุกทิศและในพุทธเกษตรทั้งปวง
อธิบาย : เป็นปางแรกของกวนอิน ๓๓ ปาง และเป็นที่นิยมมากปางหนึ่ง กวนอินปางนี้ถือความทรงพระคุณมากในเรื่องการรักษาโรค ใหโชคลาภ ช่วยให้ฝนตกและขจัดภัยต่าง ๆ จึงมีอีกชื่อว่า ไภษัชยราชาอวโลกิเตศวร ในประเทศจีนมีตำนานอยู่ว่า ครั้งหนึ่งพระอวโลกิเตศวรเสด็จไปโปรดชนบทที่แห้งแล้วในประเทศจีน ประชาชนเกือบทั้งหมดอดอยากยากเข็ญ ไม่มีศีล ไม่มีคุณธรรมเป็นส่วนมาก พระองค์ทรงแปลงกายเป็นหญิงชราเที่ยวเดินขอทานตามบ้าน ซึ่งก็ไม่ได้รับความเมตตาใด ๆ เลย พระองค์ก็ได้ตั้งคำถามและให้คำตอบเป็นปริศนาธรรมต่าง ๆ จนมีชายอาวุโสชื่อหลิวซื่อเสียน เข้าใจปริศนาธรรมและรู้ว่าเป็นพระอวโลกิเตศวร จึงขอร้องให้พระองค์ช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อนเหล่านั้น โดยให้ช่วยบันดาลฝนให้ตกจะได้มีน้ำพอเพียงชุ่มชื้นเพียงพอในการเพาะปลูก เฒ่าหลิวซื่อเสียนจึงได้เรี่ยไรเงินชาวบ้าน สร้างรูปปั้นของท่านไว้บูชา โดยประดิษฐานที่เขาไถ่ซื่อซาน ทำให้ชาวบ้านหันมาปฏิบัติธรรม

ปางที่ ๒ อวโลกิเตศวรขี่หัวมังกร(นาค) (龍頭觀音หลงโถวกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงประทับบนหัวมังกร พระหัตถ์ขวาทรงถือกิ่งหลิ่ว พระหัตถ์ซ้ายจับผ้าขวาที่ทรงครอง ทรงครองผ้าสีขาว
เทียบในสมันตมุข : พระอวโลกิเตศวรทรงนิรมาณกายเป็นรูปของเทวดาและนาคเพื่อแสดงธรรม แก่ผู้ที่สมควรโปรดด้วยรูปเทวดาและนาค
อธิบาย : คำว่า หลง” () ในคัมภีร์พุทธหมายถึงนาค ในคัมภีร์สัทธรรมสติปัฏฐานสี่ ผูกที่ ๑๘ บทที่ว่าด้วยเรื่องของสัตว์เดรัจฉานกล่าวว่า (正法念處經卷十八畜生品) นาคราชจัดเป็นส่วนหนึ่งของเดรัจฉานคติ เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ไม่ฉลาดไม่มีปัญญา

ปางที่ ๓ อวโลกิเตศวรทรงคัมภีร์ (持經觀音ฉือจิงกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงประทับนั่งอยู่บนหินผา มือขวาถือคัมภีร์
เทียบในสมันตมุข : พระอวโลกิเตศวรทรงนิรมาณกายเป็นพระสาวกแสดงธรรม แก่พระสาวก
อธิบาย : คำว่า สาวกหมายถึงผู้สดับรับฟัง ในที่นี้หมายถึงรับฟังคำสั่งสอนมาจากพระพุทธเจ้าจึงชื่อว่าพระสาวก พระอวโลกิเตศวรทรงถือคัมภีร์ก็เพื่อแสดงธรรม เนื่องจากพระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์จึงชื่อพระอวโลกิเตศวรทรงคัมภีร์

ปางที่ ๔ ปูรณรัศมีอวโลกิเตศวร (圓光觀音เวี๋ยนกวงกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงประทับอยู่บนหินผา พระวรการตั้งตรงปรากฏแสงสว่างที่โชติช่วงยิ่งนัก
เทียบในสมันตมุข : แม้บางครั้งต้องประสบทุกข์จากอาญาของพระราชา จวนถูกประหาร ชีวิตจะจบสิ้น ด้วยอำนาจของการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร มีดก็จะหักชำรุดไปเป็นท่อน ๆ
อธิบาย : คำว่า ปูรณหมายถึงเต็ม,บริบูรณ์ รัศมีหมายถึงแสงสว่าง เพราะพระอวโลกิเตศวรทรงกอรปไปด้วยความรักความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ที่ปรากฏออกมาของแสงสว่างนั้น ดังที่ในสมันตมุขก็ได้กล่าวไว้ว่า รัศมีอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน สุริยปัญญา(ปัญญาเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์) ทำลายความมืดมนทั้งหลาย สามารถกำราบภัยจากลมและไฟ รัศมีปกแผ่ทั่วโลกธาตุ

ปางที่ ๕ อวโลกิเตศวรทรงจาริก (遊戲觀音โหยวสีกวนอิน)
รูปลักษณะ : ปางนี้ทรงประทับอยู่เหนือเมฆ เข่าข้างซ้ายตั้งตรง มือขวายันร่างกายไว้
เทียบในสมันตมุข : แม้บางคราวเมื่อถูกคนร้ายไล่ จนพลัดตกจากเขาวชิระ(เขาสูง เขาที่แข็งแกร่ง) เมื่อได้ระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรด้วยอำนาจนั้น จักไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยหรือแม้เพียงขนเส้นเดียว
อธิบาย : การอบรมสั่งสอนธรรมของพระอวโลกิเตศวรนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างไม่มีสิ่งใดที่มาขว้างกันได้ ทรงปรากฏขึ้นได้ทุกที่ทุกสถาน เป็นอิสระในทุกสิ่ง จึงถูกกล่าวขานว่า พระอวโลกิเตศวรทรงจาริก หมายถึงการเที่ยวไปอย่างเป็นอิสระประกอบด้วยความเพลิดเพลิน เพราะได้นิรมาณกายไปช่วยเหลือสัตว์ทั้งหลาย

ปางที่ ๖ พระปัณฑรวาสินีอวโลกิเตศวร (白衣觀音ป๋ายอีกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงประทับเหนือดอกบัวสีขาว ทรงอาภรณ์สีขาว เหนือโขดหินที่ลาดด้วยหญ้า ทำท่าสมาธิมุทรา
เทียบในสมันตมุข : พระอวโลกิเตศวรทรงนิรมาณกายเป็นพระภิกษุ,ภิกษุณีแสดงธรรม แก่พระพระภิกษุ,ภิกษุณี
อธิบาย : ธิเบตเรียกว่า “Gos-dkar-mo” สีขาวเป็นสีพื้นฐานของทุก ๆ สี เทียบกับหมื่นคุณูปการที่พร้อมพรั่ง อีกยังเทียบได้กับโพธิจิตที่บริสุทธิ์สะอาด กวนอินปางนี้เป็นที่รู้จักของคนส่วนมาก นิยมปั้นรูปเคารพ แต่มักรู้จักในชื่อกวนอินเสื้อขาว ในครรภ์ธาตุมณฑลของพระอวโลกิเตศวรปางนี้ร่างกายของพระองค์ปรากฏสีขาวและเหลือง ครองอาภรณ์สีขาว พระหัตถ์ซ้ายทรงถือดอกบัวสีขาวเฝ้าปรารถนาให้ได้มาซึ่งภัยที่ถูกดับสลายแล้ว พระหัตถ์ขวาทรงทำพระหัตถ์พร้อมทั้งสภาพที่ปรารถนาให้สัตว์ทั้งหลายพ้นทุกข์ โดยกางนิ้วทั้งห้าออกแล้วยื่นออกไปข้างนอกตัวตั้งอยู่ในระดับเอว นั่งขัดสมาธิบนดอกบัวสีแดงเรื่อ ๆ (อ่อนกว่าสีชมพู)

ปางที่ ๗ อวโลกิเตศวรนอนบัว (蓮臥觀音เหลียนว่อกวนอิน)
รูปลักษณะ : ปางนี้มีรูปลักษณะพนมมือ ทรงประทับนั่งอยู่บนกลีบของดอกบัว
เทียบในสมันตมุข : เทียบกับการที่พระอวโลกิเตศวรสามารถนิรมาณกายเป็นรูปของพระจุลลจักรพรรดิ เพื่อแสดงธรรมโปรดสัตว์ที่เหมาะสมกับรูปของพระพระจุลลจักรพรรดิได้
อธิบาย : อธิบายว่าปางนี้ทรงประทับนั่งหรือนอนอยู่บนกลีบของดอกบัว เปรียบกับการกระทำของพระจุลลจักรพรรดิในสมันตมุขปริวรรตได้ว่า อุปมาดังพระจุลลจักรพรรดิที่ทรงมีพระวรกายที่สูงศักดิ์ประทับนั่งหรือนอนอยู่บนดอกบัว


ปางที่ ๘ อวโลกิเตศวรมองน้ำที่ไหลเชี่ยว (瀧見观音หลงเจี้ยนกวนอิน)
รูปลักษณะ : อนึ่งมีชื่อว่า อวโลกิเตศวรน้ำตกปางนี้ทรงพิงอยู่บนแท่นหินผา เพ่งพินิจพิจารณาการไหลของกระแสน้ำ
เทียบในสมันตมุข : ฉบับสันสกฤตหน้า ๒๔๒ ข้อที่ ๕ กล่าวว่า ถ้าศัตรู (ผู้มีใจประทุษร้าย) ทำให้เขาตกลงไปในกองไฟ เพื่อหวังจะฆ่าให้ตาย เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร ไฟก็จะมอดดับไป เหมือนกับถูกน้ำรด

ปางที่ ๙ อวโลกิเตศวรประทานยา (施藥观音ซือเย่ากวนอิน)
รูปลักษณะ : ปางนี้ทรงประทับบนโขดหินริมสระน้ำ เพ่งพินิจพิจารณาดอกบัว พระหัตถ์ขวายันแก้มเอาไว้ พระหัตถ์ซ้ายท้าวสะเอ็วเอาไว้
เทียบในสมันตมุข : ฉบับสันสกฤตหน้า ๒๔๓ ข้อที่ ๑๗ กล่าวไว้ว่า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ผู้มีกำลังญาน อันบริสุทธิ์ ทรงพิจารณาเห็นสัตว์ทั้งหลาย ที่ถูกความทุกข์หลายร้อยประการกดขี่ เบียดเบียน จึงเป็นผู้คุ้มครองสัตว์โลกทั้งหลาย รวมทั้งเทวดาให้รอดพ้นจากความทุกข์นั้น
อธิบาย : อันทานการให้พร้อมทั้งยาที่ดี ช่วยรักษาโรคภัย ความทุกข์ยากทางกายและใจของสรรพสัตว์ทั้งในด้านที่บวกและด้านลบ

ปางที่ ๑๐ อวโลกิเตศวรตะกร้าปลา (鱼篮观音หวีหลานกวนอิน)
รูปลักษณะ : บางครั้งก็เรียกว่ากวนอิมปางภรรยาของหม่าหลางฟู่ เพราะเป็นปางเดียวกัน ดูรายละเอียดในปางที่ ๒๘ ทรงมีปลาตัวใหญ่เป็นพาหนะ พระหัตถ์ถือตะกร้าซึ่งในนั่นมีปลา
เทียบในสมันตมุข : ฉบับพระกุมารชีพกล่าวว่า หรือไปพบพานรากษสบาป นาคมีพิษและเหล่าผีเป็นต้น ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ก็ไม่กล้าทำร้ายได้เลย

ปางที่ ๑๑ คุณราชาอวโลกิเตศวร (德王觀音เต๋อหวางกวนอิน)
รูปลักษณะ : ปางนี้ทรงนั่งขัดสมาธิบนหินผา พระหัตถ์ขวาทรงถือกิ่งหลิ่ว พระหัตถ์ซ้ายตั้งอยู่หน้าพระนาภี(สะดือ) บางก็ตั้งตรงอยู่เหนือเข่า สวมรัตนะมาลาเหนือพระเศียร
เทียบในสมันตมุข : พระอวโลกิเตศวรทรงนิรมาณกายเป็นรูปพระพรหมราชาเพื่อแสดงธรรม แก่ผู้ที่สมควรแก่ผู้ที่ต้องโปรดด้วยพระพรหมราชาได้
อธิบาย : เป็นหนึ่งในปางที่ได้รับความนิยม เนื่องจากพระพรหมราชานั้นเป็นอธิบดีในกามภูมิ มีคุณอันประเสริญยอดเยี่ยม ดังนั้นจึงกล่าวว่าคุณราชา คือผู้มีคุณที่ยิ่งใหญ่

ปางที่ ๑๒ พระอวโลกิเตศวรแห่งสายน้ำและดวงจันทร์(水月觀音สุยแยว่กวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงนั่นขัดสมาธิบนโขดหินริมมหาสมุทรมีบัวรองรับ ปางยืนก็มี พระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัวที่ยังไม่บาน พระหัตถ์ขวาทรงอภัยมุทรา สายพระเนตรทอดลงต่ำ ทรงพิจารณาการไหลของกระแสน้ำและเงาของดวงจันทร์ที่ปรากฏในน้ำ บางครั้งพบว่ามี ๓ พระพักตร์ ๖ พระหัตถ์ สามพระหัตถ์ทางซ้ายมือทรงถือรัตนะปทุม สุวรรณจักร หางนกยูง สามพระหัตถ์ทางขวามือทรงถือดาบคม รัตนมุดดา ดอกอุบล(ดอกบัวเขียว) พระวรกายมีสีดังแสงพระอาทิตย์ ทรงประทับนั่งอยู่ในรัตนะบรรพต
เทียบในสมันตมุข : มักจะเทียบกับการที่พระอวโลกิเตศวรสามารถนิรมาณกายเป็นรูปปัจเจกพุทธเจ้า เพื่อแสดงธรรมโปรดสัตว์ที่เหมาะสมกับรูปพระปัจเจกพุทธเจ้าได้
อธิบาย : ในทางมนตรยานกวนอินปางนี้ก็คือพระวารีศรีโพธิสัตว์ในครรภ์ธาตุมณฑลของพระอวโลกิเตศวร มีตำนานเล่ากันต่อ ๆ มาว่าเป็นตอนที่พระอวโลกิเตศวรเสด็จโปรดวิญญาณผีตายโหงที่เมืองกู่ซู (เนื่องจากชาวเมืองถูกกองทหารจีนฆ่าตายอย่างไม่เป็นธรรม) พระโพธิสัตว์จึงทรงประทับนั่งบริกรรมพุทธมนต์บนโขดหิน พระหัตถ์ถือแจกันหยกมีกิ่งหลิ่วปักอยู่ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณทั้งหลายเป็นเวลา ๔๙ วัน กวนอินปางนี้เป็นที่นิยมทั้งในจีนและญี่ปุ่น ในทางธรรมะอาจตีความได้ว่าพระโพธิสัตว์ทรงสอนให้เราพิจารณาเงาดวงจันทร์ในน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลวงหลอก ไม่มีอยู่จริง รูปทั้งหลายเป็นอย่างเช่นนี้ เมื่อเราเพ่งเล็งเห็นอยู่อย่างนี้แล้ว ย่อมคลายความยึดมั่นถือมันในรูปได้

ปางที่ ๑๓ พระอวโลกิเตศวรหนึ่งกลีบ (一葉觀音อีแย่กวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงประทับบนกลีบของดอกบัว ๑ กลีบลอยอยู่บนผิวน้ำ พระชานุ(เข่า)ซ้ายยืดตรง พระหัตถ์ซ้ายวางอยู่บนเข่า พระหัตถ์ขวาห้อยต่ำยันร่างกายเอาไว้
เทียบในสมันตมุข : ฉบับสันสกฤตหน้าที่ ๒๓๙ ย่อหน้าที่ ๑ ดูก่อนกุลบุตร สัตว์เหล่าใดท่องจำนามของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ก็จะหลุดพ้นจากกองทุกข์นั้นได้ ดูก่อนกุลบุตร ถ้าสัตว์ทั้งหลายถูกกระแสน้ำพัดพาไป พึงกระทำการเรียกพระนาม ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ แม่น้ำทั้งปวงเหล่านั้นจะให้ความรักเอ็นดูแก่สัตวเหล่านั้น ดูก่อนกุลบุตร ถ้าสัตว์จำนวนร้อยพันหมื่นโกฏิ ลงเรือไปในท่ามกลางสมุทร ทรัพย์สินที่สร้างไว้เช่นเงิน ทอง แก้วมณี มุดดา เพชร ไพฑูรย์ สังข์ ประพาฬ มรกต สุมาร์คลวะและมุกแดงเป็นต้น(จะเสียหาย) เรือของเขาถูกพายุพัดไปติดเกาะของรากษส ถ้าในเรือนั้นพึงมีสัตว์ผู้หนึ่ง กระทำการเรียกพระนามของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ เขาเหล่านั้นทั้งหมด จะรอดพ้นจากเกาะของรากษสนั้น ดูก่อนกุลบุตรเพราะเหตุนี้เอง พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ จึงได้ชื่อว่า อวโลกิเตศวรอนึ่งยังมักจะเทียบกับการที่พระอวโลกิเตศวรสามารถนิรมาณกายเป็นรูปนายบ้าน เพื่อแสดงธรรมโปรดสัตว์ที่เหมาะสมกับรูปนายบ้านได้
อธิบาย : บางครั้งก็เรียกว่าพระอวโลกิเตศวรแห่งกลีบบัว เพราะทรงมีกลีบบัวเป็นพาหนะจึงชื่อว่าพระอวโลกิเตศวรหนึ่งกลีบ ปางนี้บางครั้งก็เรียกว่าพระอวโลกิเตศวรแห่งทะเลใต้ (ดูรายละเอียดในประวัติผู่ทัวซาน)

ปางที่ ๑๔ นีลกัณฐอวโลกิเตศวร (青頸观音ชิ่นจิ่นกวนอิน)
รูปลักษณะ : ลักษณะทางประติมานวิทยาทั่วไปมักในพระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัว พระหัตถ์ขวาทรงชูขึ้นระดับอก ทรงคุกเข่าบนอาสนะ ประทับนั่งอยู่บนโขดหิน ซึ่งมีที่มาจากพระสูตรที่เกี่ยวข้องกับพระนีลกัณฐ
เทียบในสมันตมุข : มักจะเทียบกับการที่พระอวโลกิเตศวรสามารถนิรมาณกายเป็นรูปพระพุทธเจ้า เพื่อแสดงธรรมโปรดสัตว์ที่เหมาะสมกับรูปพระพุทธเจ้าได้
อธิบาย : นีลกัณฐแปลว่าคอสีนิลหรือสีเขียวคล้ำ กล่าวกันว่าหากสัตว์เหล่าใดได้ระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรแล้ว ย่อมห่างไกลจากความทุกข์ยากต่าง ๆ ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหลาย พระอวโลกิเตศวรปางนี้เป็นปางสำคัญปางหนึ่งในทางมนตรยาน อีกทั้งพบชื่อนี้ในมหากรุณาธารณีสูตร กล่าวกันว่าเมื่อครั้งที่พวกเทวดาได้กวนเกษียรสมุทรเพื่อทำน้ำอมฤต ในทะเลได้เกิดพิษขึ้นมา เมื่อพระอวโลกิเตศวรเห็นดังนั้นเกรงจะเป็นอันตรายต่อสัตว์ทั้งหลาย จึงทรงกลืนกินพิษนั้น จึงทำให้พระศอหรือคอมีสีดำคล้ำ

ปางที่ ๑๕ อุครวติ-อวโลกิเตศวร (威德观音เวยเต๋อกวนอิน)
รูปลักษณะ : ปางนี้พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายถือวัชระคฑาทรงประทับอยู่บนหินผา
เทียบในสมันตมุข : พระอวโลกิเตศวรทรงปรากฏรูปเป็นเสนาบดี เพื่อแสดงธรรมโปรดผู้เป็นเสนาบดี
อธิบาย : เสนาบดีนั้นเพรียบพร้อมไปด้วยอำนาจและคุณเป็นอเนก ประดุจดังอำนาจคือการกำราบ มุ่งปกป้องรักษาด้วยความรักความกรุณาคือคุณ รวมอยู่ในพระอวโลกิเตศวร ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าอุครวติ-อวโลกิเตศวร ผู้มีคุณและพลานุภาพ

ปางที่ ๑๖ พระอายุวัฒนะอวโลกิเตศวร (延命觀音เยี๋ยนมิ่งกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงครองผ้าทิพย์ ทรงสวมมหารัตนะมาลาบนพระเศียร เกยูรกำไลตลอดจนเส้นพระเกศานั้นงดงามยิ่ง ทรงช่วยเหลือทั้งหลายจึงมีพระหัตถ์ถึง ๒๐ พระหัตถ์ ทางซ้ายจากพระพักตร์ ๑๐ พระหัตถ์แรกทรงถือรัตนะมุดดา ดาบวิเศษ(ดาบรัตนะ) สุวรรณจักร ท่อนไม้วัชระ ป้ายประกาศไม้ กระดิ่งวัชระใหญ่ กระดิ่งวัชระ ดอกบัวใหญ่ อักษมาลา(ลูกประคำ) มุทราท่ากำมัด ทางขวาจากพระพักตร์ ๑๐ พระหัตถ์หลังทรงถือหอกเหล็ก ดาบวัชระ รูปพระพุทธเจ้า วัชระรัตนะ คันฉ่องรัตนะ วัชระบ่วงบาศ วัชระ วัชระคฑา ๕ ยอด วัชระและอเภตฺริมุทรา(มุทราแห่งความปราศจากความกลัว) ทรงมีรัศมีที่รุ่งโรจน์ยิ่งนัก พระบาททั้งสองมีลักษณะของลายกงจักรที่ประกอบด้วยดุมและกง ทรงสถิตมั่นอยู่ในจันทร์จักรบนดอกบัว
เทียบในสมันตมุข : ฉบับสันสกฤตหน้าที่ ๒๔๓ ข้อที่ ๑๒ กล่าวว่า เวทมนตร์คาถา วิทยาของผู้มีพลัง ยาพิษ ภูต เวตาล ที่ทำให้ร่างกายถึงความหายนะได้ เมื่อเขาระลึกพระอวโลกิเตศวร สิ่งเหล่านั้นจะเสื่อมไปในทันที
อธิบาย : จากข้างต้นพระอวโลกิเตศวรทรงนิรมาณกายมาเพื่อขจัดเวทมนตร์คาถา วิทยาของผู้มีพลัง ยาพิษ ภูต เวตาล ที่ทำให้ร่างกายถึงความหายนะได้ ดังนั้นจึงกล่าวว่าพระอวโลกิเตศวรผู้ทำให้มีอายุยืน

ปางที่ ๑๗ พระอวโลกิเตศวรทรงรัตนะมากมาย (众宝观音จ้งเป่ากวนอิน)
รูปลักษณะ : ปางนี้ทรงประทับอยู่บนแท่นหินผาริมน้ำ พระบาทเบื้องขวายื่นออกมาประทับอยู่บนหิน พระหัตถ์ขวากดแผ่นดิน พระหัตถ์ซ้ายตั้งอยู่ระดับพระนาภี (สะดือ) ในระดับที่เหมาะสม เมื่อมองดูแล้วสงบ
เทียบในสมันตมุข : หากจะมีสัตว์โลกมีจำนวนนับด้วยร้อย พัน หมื่น แสน ก็ดี ต้องการแสวงหาทอง เงิน ไพฑูรย์ ผลึก ทับทิม มรกต บุศราคุม อันเป็นของมีค่า หากันแต่งเรือไปยังทะเลใหญ่ สมมติว่าในระหว่างนั้น เรือได้ถูกพายุพัดพาไปยังแว่นแคว้นอันเป็นที่อยู่ของรากษส หากจะมีแม่แต่คนหนึ่งในบรรดาคนเหล่านั้น สวดพระนามพระอวโลกิเตศวร แล้วไซร์ สัตว์โลกเหล่านั้นทุกคนจะได้รับความรอดพ้นจากอันตรายของรากษส ด้วยเหตุนี้แลพระโพธิสัตว์เจ้าองค์นั้น จึงได้รับสมญานามว่า อวโลกิเตศวร
อธิบาย : อนึ่งยังเทียบได้กับพระอวโลกิเตศวรที่ทรงแสดงธรรมได้ในรูปของเศรษฐี ดังที่ได้ปรากฏในคัมภีร์สัทธรรมปุณฑริกสูตร สมันตมุขปริวรรต ด้วยเหตุเหล่านี้เองกวนอินปางนี้จึงได้ชื่อว่าอวโลกเตศวรทรงรัตนะมากมาย

ปางที่ ๑๘ อวโลกิเตศวรประตูหิน (观音เอี๋ยนฮู่กวนอิน)
รูปลักษณะ : ปางนี้ทรงประทับนั่งขัดสมาธิด้วยพระวรกายที่ตั้งตรง บนดอกบัวแล้วพนมมือ ภายในถ้ำหินปรากฏแสงที่สว่างโชติช่วง
เทียบในสมันตมุข : เมื่อใดมีงูพิษตลอดจนแมลงมีพิษร้าย มีไอพิษเหมือนควันไฟลุกไหม้ ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ด้วยเสียงของเขานั้นทำให้สัตว์เหล่านั้นหนีหายไป
อธิบาย : เหตุที่สัตว์มีพิษเหล่านั้นมักจะอาศัยอยู่ในถ้ำหลายชนิด หากได้ระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรแล้ว พระองค์ย่อมช่วยให้พ้นภัย ดังนั้นกวนอิมปางนี้จึงมีรูปแบบที่ประทับอยู่ในถ้ำ

ปางที่ ๑๙ พระอวโลกิเตศวรทรงทำความสงบ (能靜觀音เหนิงจิ้งกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงนั่งขัดสมาธิบนโขดหินบริเวณริมทะเล(น้ำ) พระหัตถ์ทั้งสองวางอยู่บนโขดหินอย่างเป็นธรรมชาติ พระบาทซ้ายยื่นออกมา พระบาทขวาโค้งงอ แม้มีลมแรงพัดพามาก็ไม่หวั่นไหว ปรากฏลักษณะที่สงบนิ่ง
เทียบในสมันตมุข : ฉบับสันสกฤตหน้าที่ ๒๓๙ ย่อหน้าที่ ๑ ดูก่อนกุลบุตร สัตว์เหล่าใดท่องจำนามของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ก็จะหลุดพ้นจากกองทุกข์นั้นได้ ดูก่อนกุลบุตร ถ้าสัตว์ทั้งหลายถูกกระแสน้ำพัดพาไป พึงกระทำการเรียกพระนาม ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ แม่น้ำทั้งปวงเหล่านั้นจะให้ความรักเอ็นดูแก่สัตวเหล่านั้น ดูก่อนกุลบุตร ถ้าสัตว์จำนวนร้อยพันหมื่นโกฏิ ลงเรือไปในท่ามกลางสมุทร ทรัพย์สินที่สร้างไว้เช่นเงิน ทอง แก้วมณี มุดดา เพชร ไพฑูรย์ สังข์ ประพาฬ มรกต สุมาร์คลวะและมุกแดงเป็นต้น(จะเสียหาย) เรือของเขาถูกพายุพัดไปติดเกาะของรากษส ถ้าในเรือนั้นพึงมีสัตว์ผู้หนึ่ง กระทำการเรียกพระนามของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ เขาเหล่านั้นทั้งหมด จะรอดพ้นจากเกาะของรากษสนั้น ดูก่อนกุลบุตรเพราะเหตุนี้เอง พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ จึงได้ชื่อว่า อวโลกิเตศวรหรือในโศลกฉบับสันสกฤตหน้า ๒๔๒ ข้อที่ ๖ หากว่าบุคคลทำให้เขาตกไปในมหาสมุทรที่ลึกยิ่ง (ยากที่จะหยั่งถึง) อันเป็นที่อยู่ของนาค สัตว์น้ำและปีศาจ เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร เขาก็จะไม่จมลงไปในทะเลหลวง
อธิบาย : กวนอินปางนี้ที่ชื่อว่าทำความสงบ เพราะทรงนิรมาณกายไปช่วยเหลือสัตว์ทั้งหลายจึงทำให้เภทภัย ความทุกข์ยากของหายไปได้ จึงได้ชื่อว่าทำความสงบให้เกิดขึ้น

ปางที่ ๒๐ อนุ-อวโลกิเตศวร (阿耨觀音ออโน่วกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงประทับอยู่บนหินผา ทรงครองผ้าทิพย์สีทอง พระหัตถ์ซ้ายถือผ้าอยู่ระดับหน้าท้อง พระหัตถ์ขวาปล่อยวางไว้บนเข่าขวา พินิจพิจารณาลักษณะของทะเลที่สงบนิ่ง
เทียบในสมันตมุข : ฉบับของท่านกุมารชีวะกล่าวไว้ว่า แม้บางครั้งหากพลัดพเนจรไปในทะเลที่กว้างใหญ่ ประสบภัยจากนาค ปลา ผีทั้งหลายเหล่านี้ ด้วยอำนาจของการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร คลื่นไม่สามารถซัดสาดให้จมน้ำได้
อธิบาย : เนื่องด้วยในทะเลที่กว้างใหญ่มีนาคและปลาในสระอโนดาต (อนวตปฺต) อยู่เป็นเหตุปัจจัย เหตุนั้นจึงกล่าวขานว่า อนุ-อวโลกิเตศวร

ปางที่ ๒๑ พระอเภตฺริอวโลกิเตศวร (阿摩提觀音อาหมอถีกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงมีพระเนตร ๓ ดวง ๔ พระหัตถ์ ทรงราชสีห์สีขาวเป็นพาหนะ มีนั่งบนโขดหินบ้าง ทรงสวมมงกุฎรัตนมาลา พระหัตถ์ขวากรที่ ๑ ทรงถือดอกบัวสีขาว พระหัตถ์ขวากรที่ ๒ ทรงถือนกหงส์มงคลสีขาว พระหัตถ์ซ้ายกรที่ ๑ ทรงถือเครื่องดนตรีประเททเครื่องสายรูปหัวนกหงส์ตัวผู้ ซึ่งจำนวนสายจะต่างกันไปตามขนาด พระหัตถ์ซ้ายกรที่ ๒ ทรงถือมกร(สัตว์ทะเลซึ่งอาจจะเป็นปลาใหญ่เช่นเต่าใหญ่หรือปาวาฬ) พระบาทขวาห้อยลงต่ำ งอพระบาทซ้ายเหยีบลงบนหัวราชสีห์
เทียบในสมันตมุข : พระอวโลกิเตศวรทรงนิรมาณกายเป็นรูปของพระเวสสุวรรณเพื่อแสดงธรรม แก่ผู้ที่สมควรโปรดด้วยรูปของพระเวสสุวรรณ
อธิบาย : คำว่า อเภตฺริบ้างก็เขียนว่า อเภตฺติแปลว่าผู้ไม่มีความกลัว หรือผู้หาความกลัวมิได้

ปางที่ ๒๒ พระปลาศาวลินฺอวโลกิเตศวร (葉衣觀音แย่อีกวนอิน)
รูปลักษณะ : มักพบว่าทรงประทับนั่งบนโขดหินที่ลาดด้วยหญ้า ในคัมภีร์ปลาศาวลินฺอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์สูตรกล่าวว่า ทรงมีรูปเป็นเทวนารี สวมมงกุฎรัตนมาลาบนพระเศียร ประดิษฐานรูปพระอมิตายุพุทธเจ้าในใจกลางรัตนะมาลา พระวรกายประดับตกแต่งด้วยเกยูรสร้อยกำไลของมีค่าต่าง ๆ ตลอดจนปรากฏรัศมีจากพระวรกายสว่างยิ่งนัก ทรงมีถึง ๔ กร กรที่ ๑ ด้านขวาทรงถือผลมงคลไว้ในระดับอก กรที่ ๒ ด้านขวาทรงทำท่าทานประณิธานมุทรา กรที่ ๑ ด้านซ้ายทรงถือขวาน กรที่ ๒ ด้านซ้ายทรงถือบ่วงบาศ ทรงประทับนั่งบนดอกบัว
เทียบในสมันตมุข : พระอวโลกิเตศวรทรงแปลงเป็นรูปพระอินทร์ เพื่อการแสดงธรรม ในรูปของพระอินทร์ได้
อธิบาย : กวนอินปางนี้ก็คือพระปลาศาวลินฺอวโลกิเตศวรในครรภ์ธาตุมณฑล มีพระสูตรที่กล่าวถึงพระองค์เป็นการเฉพาะ มักถือกันว่ากวนอินปางนี้ทรงประทานความมีอายุยืนความไม่มีโรค คำว่า ปลาศาวลินฺอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์หมายถึงพระอวโลกิเตศวรผู้นุ่งใบไม้แทนผ้า

ปางที่ ๒๓ พระไวฑูรยอวโลกิเตศวร (琉璃觀音หลิวหลีกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงมีกลีบดอกบัวเป็นพาหนะ ประทับยืนบนผิวน้ำ พระหัตถ์ทั้งสองประคองบาตรไวฑูรย
เทียบในสมันตมุข : ฉบับสันสกฤตหน้าที่ ๒๔๓ ข้อที่ ๑๐-๑๑ ถ้าบุคคล ต้องโทษจองจำอยู่ในหลักประหาร เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร อาวุธ(ของเพชฌฆาต)ก็จะแตกละเอียด (เป็นท่อนเล็กท่อนใหญ่) อีกหนึ่งบ้างท่านก็เทียบกับ พระอวโลกิเตศวรทรงแปลงเป็นรูปพระอิศวร เพื่อการแสดงธรรม ในรูปของพระอิศวรได้
อธิบาย : คำว่า ไวฑูรย์หรือไพฑูรย์นั้นเป็นอัญมณีชนิดหนึ่งซึ่งมีสีฟ้า อนึ่งยังมีอีกชื่อว่า อุตมราชาอวโลกิเตศวรซึ่งมีที่มาจากคัมภีร์อุตมราชาอวโลกิเตศวรสูตร พระโพธิสัตว์นั้นช่วยสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ หากท่องพระสูตรนี้หนึ่งพันจบ ผู้ที่ตายแล้วยังจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เรื่องนี้มีที่มาจากในสมัยที่ราชวงศ์เว่ยเหนือแตกออกเป็นเว่ยตะวันออกในระหว่างศักราชไท่ผิงราวค.ศ.๕๓๔-๕๓๗ มีนายทหารผู้หนึ่ง ขณะที่อยู่ในเวลาป้องกันชายแดน ได้สร้างรูปเคารพของพระอวโลกิเตศวรไว้แล้วเคารพไหว้กราบอย่างสม่ำเสมอ ต่อมาได้โดยสารไปยังพวกฮวนที่อยู่ทางทิศเหนือและทางตะวันออกของจีน ได้ต้องโทษประหาร ณ ที่นั้น ในระว่างคืนนั้นได้ฝันเห็นพระสมณะรูปหนึ่ง มาแนะน้ำให้สวดสาธยายพระสูตรที่ว่าด้วยเรื่องพระอวโลกิเตศวรช่วยชีวิต หลังจากที่ได้ตื่นยอนแล้วก็ท่องได้หนึ่งร้อยจบ เมื่อเวลาสำเร็จโทษใกล้จะมาถึงเขาได้ท่องครบถึงพันจบพอดี อาวุธที่จะนำมาประหารนั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย จึงรอดพ้นความตายมาได้นายคนนั้นจึงได้มากราบไหว้รูปของพระอวโลกิเตศวร ในคืนที่ได้ฝันเห็นถึงสมณะนั้น สมณะผู้นั้นได้มอบพระสูตรไว้ให้ด้วยมีชื่อว่า อุตมราชาอวโลกิเตศวรสูตรหรือ อายุวัฒนะทศวจีอวโลกิเตศวรสูตร

ปางที่ ๒๔ พระตาราอวโลกิเตศวร (多羅觀音ตัวหลอกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงประทับยืนอยู่บนก้อนเมฆ บ้างก็ทรงนั่งขัดสมาธิบนโขดหิน มีลักษณะที่พิจาณาเพ่งมองมาที่สัตว์ทั้งหลาย ทรงมีร่างเป็นหญิงแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย ครองอาภรณ์สีขาวใหม่เอี่ยม ทรงมีพระวรกายที่งดงามมาก ในเวลาที่ทรงพนมมือ ในมือนั้นทรงถือดอกอุบล(บัวเขียว)
เทียบในสมันตมุข : ฉบับสันสกฤตหน้าที่ ๒๔๓ ข้อที่ ๙ ถ้าบุคคล ถูกหมู่ศัตรูที่มีอาวุธครบมือล้อมไว้ ด้วยจิตคิดจะเบียดเบียน เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร ศัตรูก็จะเกิดจิตเมตตาขึ้นในขณะนั้น
อธิบาย : พระตารานั้นเป็นนิรมาณกายของพระอวโลกิเตศวร ทรงเพศเป็นหญิง (ดูลายละเอียดเพิ่มเติมในบทพระแม่ตารา)

ปางที่ ๒๕ พระอวโลกิเตศวรหอยกาบ (蛤蜊觀音เก๋อะลี่กวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงประทับอยู่ในหอยกาบ
เทียบในสมันตมุข : พระอวโลกิเตศวรทรงแปลงเป็นรูปพระโพธิสัตว์ เพื่อการแสดงธรรม ในรูปของพระโพธิสัตว์ได้
อธิบาย : ในบันทึกเรื่องราวพระพุทธเจ้าโดยครอบคลุม(佛祖統紀) ผูกที่ ๔๒ กล่าวว่าปางนี้เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง สมัยพระเจ้าเหวินจง(文宗) ราวค.ศ.๘๒๗-๘๔๐ ในตอนที่กษัตริย์พระองค์นี้เริ่มเปิดศักราชแห่งการปกครองใหม่ ๆ กษัตริย์พระองค์นี้โปรดปรานการกินหอยกาบมาก ทุก ๆ วันสัตว์ต่อตายลงเป็นอันมาก วันหนึ่งผ่าหอยไม่มีผู้ใดผ่าหอยได้เลย จึงได้จุดธูปของพร ทันใดนั้นหอยกาบก็ได่กลายร่างเป็นรูปพระโพธิสัตว์ในทันที กษัตริย์จึงได้ตรัสเรียกอาจารย์ในนิกายเซน(ฌาน) มาสอบถามถึงสาเหตุเรื่องนี้ พระสงฆ์นั้นตอบว่าเป็นการเนรมิตการเพื่อแสดงธรรมให้มหาบพิตรเลิกเสวยหอย การที่พระโพธิสัตว์นั้นปรากฏร่างเป็นสิ่งที่หาได้ยาก ทำจึงไม่ศรัทธาแล้วเลิกเสวยหอยอีกเล่า กษัตริย์เกิดความปิติยินดี จึงได้มีพระราชโองการให้สร้างรูปกวนอินปางนี้ขึ้นในวัดเป็นคนแรก

ปางที่ ๒๖ ษฑฺฤตวอวโลกิเตศวร (六時觀音ลิ่วสือกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงประทับยืน พระหัตถ์ขวาทรงถือคัมภีร์ที่จารด้วยใบลาน
เทียบในสมันตมุข : ฉบับสันสกฤตหน้า ๒๔๓ ข้อที่ ๑๘ พระองค์ (อวโลกิเตศวร) ผู้มีกำลังญาณ อันบริสุทธิ์ ทรงพิจารณาเห็นสัตว์ทั้งหลาย ที่ถูกความทุกข์หลายร้อนประการกดขี่ เบียดเบียน จึงเป็นผู้คุ้มครองสัตว์โลกทั้งหลาย รวมทั้งเทวดาให้รอดพ้นจากความทุกข์นั้นอนึ่งยังเทียบกับพระอวโลกิเตศวรทรงแปลงเป็นรูปคฤหบดีได้ เพื่อการแสดงธรรม ในรูปของคฤหบดี
อธิบาย : ในประเทศอินเดียมีความกว้างใหญ่ แต่ละพื้นที่ย่อมแตกต่างกันจึงทำให้มีฤดูกาลที่หลายรูปแบบ ๑ ปีมี ๓ ฤดูบ้าง ๑ ปีมี ๖ ฤดูบ้าง ดังที่พบในวรรณคดีสันสกฤตและบาลี คำว่า ษฑฺฤตวแปลว่าฤดูกาลที่ ๑ ปีมี ๖ ฤดูคือวสนฺตหรือวสันต์ฤดูเดือนไทยคือเดือน๕-๖ คฺศีษฺมหรือคิมหันต์ฤดูเดือนไทยคือเดือน๗-๘ วรฺษาหรือวัสสานฤดูเดือนไทยคือเดือน๙-๑๐ ศรทฺหรือสรทฤดูเดือนไทยคือเดือน๑๑-๑๒ เหมนฺตหรือเหมันตฤดูเดือนไทยคือเดือนอ้าย-ยี่ ศิศิรหรือสิสิรฤดูเดือนไทยคือเดือน๓-๔ กวนอินปางนี้หมายถึงพระอวโลกิเตศวรทรงเมตตาสัตว์ทั้งหลายในทุกฤดู ทุกเช้าทุกเย็น จึงเรียกว่า ษฑฺฤตวอวโลกิเตศวร หรือกวนอิน ๖ ฤดู

ปางที่ ๒๗ สมันตกรุณาอวโลกิเตศวร (普悲观音ผู่เปยกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงประทับยืนบนยอดเขา พระหัตถ์ทั้งสองซ่อนธรรมอาภรณ์อยู่อยู่ด้านหน้า
เทียบในสมันตมุข : พระอวโลกิเตศวรทรงแปลงเป็นรูปพระมเหศวรได้ เพื่อการแสดงธรรม ในรูปของพระมเหศวรได้
อธิบาย : พระมเหศวรทรงเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดในสามโลก ทรงมีอานุภาพมากมาย เปรียบดังความเมตตากรุณาความรักที่มีต่อสัตว์ทั้งหลายของพระอวโลกิเตศวรที่แผ่ซ่านไปทั่วตริสหัสมหาสหัสโลกธาตุ ด้วยเหตุนี้เองจึงชื่อว่า สมันตกรุณาอวโลกิเตศวรผู้มีความกรุณาที่ปกคลุมไปทั่ว

ปางที่ ๒๘ พระอวโลกิเตศวรภรรยาของหม่าหลาง (馬郎婦觀音หม่าหลางฟู่กวนอิน)
รูปลักษณะ : ปางนี้ทรงนิรมาณกายเป็นภรรยาของนายหม่าหลาง พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์สัทธรรมปุณฑรีกสูตร พระหัตถ์ซ้ายถือหัวกะโหลกหรือที่ในภาษาสันสกฤตเรียกว่า ชัฏวางคะ
เทียบในสมันตมุข : พระอวโลกิเตศวรทรงแปลงเป็นรูปหญิงภรรยาได้ เพื่อการแสดงธรรม ในรูปของหญิงภรรยา
อธิบาย : ในตำนานกล่าวกันว่า ในสมัยพระเจ้าเซี่ยนจง แห่งราชวงศ์ถัง ศักราชหยวนเหอปีที่ ๑๒ ราวค.ศ.๘๑๗(唐憲宗元和十二年) แต่บางแห่งกล่าวว่าปีที่ ๔ ไม่ใช่ปีที่ ๑๒ มีหญิงชาวประมงรูปร่างสวยงาม นำปลาหลายตัวใส่ตะกร้าไปขายในละแวกหมู่บ้านชาวประมงที่ไม่มีศาสนาและศีลธรรมจรรยา โดยกำหนดเงื่อนไขแก่ผู้ซื้อว่า จะขายปลาให้ก็ต่อเมื่อซื้อปลาเพื่อเอาไปปล่อยเท่านั้น ซึ่งถูกมองว่าเป็นเรื่องโง่เขลา น่าขบขัน ไม่มีผู้ซื้อปลาจากแม้จะทรงเดินขายอยู่หลายวัน อย่างไรก็ดีมีชายหนุ่มหลายคนมาหลงรักหญิงสาวนั้น และได้พากันมาสารภาพขอแต่งงานด้วย พระองค์ไม่ทรงรับและไม่ปฏิเสธ แต่ตั้งเงื่อนไขให้บุคคลเหล่านั้นถือศีลสวดมนต์ ตั้งตนเป็นสัมมาทิฐิเลื่อมใสในพระรัตนตรัย โดยคืนแรกหญิงนั้นกล่าวว่าให้สวดสาธยานสมันตมุขปริวรรต พอยามฟ้าสางเหลือคนท่องแค่ ๒๐ คน หญิงนั้นจึงมอบวัชรสูตรให้ในอีกคืนหนึ่ง โดยกล่าวว่าถ้าใครสาธยายได้สำเร็จจะให้เป็นสามี ก็เหลือผู้ที่ท่องเพียงแค่ ๑๐ คน หญิงนั้นจึงได้มอบสัทธรรมปุณฑริกสูตรฉบับของพระกุมารชีพให้อีก แล้วบอกว่าอีกสามวันให้หลังเจอกัน พอถึงวันนัดหมาย มีเพียงชายวัยหนุ่มสาวแซ่หม่า() ที่เข้าใจพระสูตรอย่างทั่วถึง จึงได้หญิงนั้นไปเป็นภรรยา แต่ทว่าหญิงนั้นได้เป็นโรคอยู่แต่ในห้องและได้ถึงแก่กรรมลงเมื่อถึงวันแต่งงาน หลังจากนั้นก็ได้มีพิธีฌาปนกิจ แต่ร่างกายที่เน่าเปื่อยได้สลายหายไปในอากาศ หลังจากนั้นได้มีพระภิกษุเฒ่ารูปหนึ่งครองจีวรสีครั่ง(แดง) ได้ไปยังที่ฌาปนกิจนั้นได้เพ่งดูสุดชีวิต เห็นเพียงกระดูกไหลปลาร้าสีเหลืองทองยังมีอยู่ พระภิกษุเฒ่ารูปนั้นจึงกล่าวแก่มหาชนว่า นั้นคือ(นิรมาณกายของ)พระอวโลกิเตศวรมหาบุรุษ ที่ทรงเมตตากรุณาต่อท่านทั้งหลาย เนื่องด้วยมีสิ่งขวางกั้นที่หนักยิ่งนักจึงได้เนรมิตมาสั่งสอนท่านทั้งหลายโดยความเหมาะสมทางโสตประสาทพอพูดจบก็เหาะจากไป เหตุนี้เองมหาชนจึงเกิดศรัทธาในพระพุทธเจ้าเป็นอันมาก ต่อมาในสมัยราชวงศซ่งก็ลดลง แต่ทว่าพระอวโลกิเตศวรภรรยาของหม่าหลางนั้นกลับมีผู้คนศรัทธาอย่างเจริญรุ่งเรือง ปางนี้เป็นปางเดียวกับปางที่ ๑๐ ที่ถือตะกร้าปลา

ปางที่ ๒๙ อวโลกิเตศวรพนมมือ (合掌觀音เหอจั่งกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงครองผ้าสีขาว นั่งประคองอัญชลีอยู่บนโขดหินบ้าง ประทับยืนประคองอัญชลีบ้าง
เทียบในสมันตมุข : ในคัมภีร์นั้นได้กล่าวไว้ว่าพระอวโลกิเตศวรทรงนิรมาณกายเพื่อช่วยเหลือสัตว์ทั้งหลาย จึงได้นิรมาณกายถึง ๓๓ ปาง หนึ่งในนั้นมีรูปกายของพรามณ์ ซึ่งเทียบกับปางพนมมือนี้ อนึ่ง ในคัมภีร์ยังได้มีกล่าวว่า ดูก่อนกุลบุตร สัตว์ทั้งหลายผู้มีราคจริต เมื่อได้นมัสการพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์แล้ว ก็จักเป็นผู้ปราศจากราคะ สัตว์ทั้งหลายผู้มีโทสจริต เมื่อได้นมัสการพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์แล้ว ก็จักเป็นผู้ปราศจากโทสะ สัตว์ทั้งหลายผู้มีโมหจริต เมื่อได้นมัสการพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์แล้ว ก็จักเป็นผู้ปราศจากโมหะ ดูก่อนกุลบุตร พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ เป็นผู้มีฤทธิ์มากอย่างนี้” (หน้า ๒๔๐ ย่อหน้าที่ ๒)
อธิบาย : ความนอบน้อมเป็นลักษณะของปราชญ์ จากข้างต้นแสดงให้เห็นว่าความนอบน้อมมีผลอย่างไร ถือเป็นคำสอนจากพระอวโลกิเตศวรปางนี้

ปางที่ ๓๐ พระอวโลกิเตศวรเอกตถตา (一如觀音อิหรู่กวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงประทับบนก้อนเมฆ เหะเหินไปในนภาอากาศ
เทียบในสมันตมุข : ฉบับของพระกุมารชีพแปลว่า เมฆทะมึน ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ลูกเห็บตก ลมฝนพายุใหญ่ ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ สิ่งต่าง ๆ ในเวลานั้นย่อมจักสลายหายไปเทียบที่อ้างแล้วในปางที่ ๓๓ อันเป็นข้อความในฉบับภาษาสันสกฤต
อธิบาย : คำว่า เอกตถตาคือเป็นหนึ่งเดียว ไม่เป็นสอง มีใจความว่าไม่มีสิ่งใดที่แตกต่างกัน สิ่งนี้กล่าวคือปรมัตถ์สัจจะ อันเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งขวางกั้น ปกคลุมทั่วธรรมธาตุ พระอวโลกิเตศวรทรงมีปัญญาที่ประเสริฐ พินิจพิจารณาเอกตถตาธรรมนี้ อีกทั้งพระอวโลกิเตศวรยังทรงสามารถสั่งกำราบเมฆทะมึน ฟ้าร้อน ฟ้าฝ่า ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่เกิดจากมารได้อีกด้วย

ปางที่ ๓๑ พระอวโลกิเตศวรทรงไม่เป็นสอง (不二觀音ปู้เอ้อกวนอิน)
รูปลักษณะ : พระหัตถ์ทั้งสองถือวัชระคฑา ทรงประทับบนกลีบบัวบ้าง ทรงนั่งขัดสมาธิบนโขดหินบ้าง
เทียบในสมันตมุข : เทียบกับการที่พระอวโลกิเตศวรสามารถนิรมาณกายเป็นรูปของพระวัชรปาณี เพื่อแสดงธรรมโปรดสัตว์ที่เหมาะสมกับรูปของพระวัชรปาณีได้
อธิบาย : ที่เทียบกับพระวัชระปาณีนั้นเพราะพระวัชรปาณีทรงเป็นผู้ทรงธำรงรักษาพระพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวรก็เป็นเช่นเดียวกัน ทรงเป็นหนึ่งเดียวกันไม่แบ่งแยกว่านั้นเธอนั้นฉัน นั้นของเธอ นั้นของฉัน จึงชื่อว่าไม่เป็นสอง คือปราศจากความแตกต่าง แบ่งแยกนั่นเอง

ปางที่ ๓๒ พระอวโลกิเตศวรทรงบัว (持蓮觀音ฉือเหลียนกวนอิน)
รูปลักษณะ : ทรงถือดอกบัวหนึ่งก้านในพระหัตถ์ทั้งสอง ทรงประทับยืนบนกลีบดอกบัว ทรงสวมรัตนะมาลาบนพระเศียร ครองผ้าทิพย์ เกยูรสร้อยกำไลต่าง ๆ งดงามบริบูรณ์ยิ่งนัก
เทียบในสมันตมุข : มักเทียบกับการที่พระอวโลกิเตศวรสามารถนิรมาณกายเป็นรูปกุลบุตรและกุลธิดา เพื่อแสดงธรรมโปรดสัตว์ที่เหมาะสมกับรูปของกุลบุตรและกุลธิดาได้


ปางที่ ๓๓ พระอวโลกิเตศวรโปรยน้ำ(灑水觀音ส่าสุยกวนอิน)
รูปลักษณะ : ในพระหัตถ์ซ้ายทรงถือคนโทบริสุทธิ์บ้าง บาตรบ้าง พระหัตถ์ขวาถือกิ่งหลิ่วเพื่อใช้ในการโปรยน้ำอมฤต ทรงประทับยืนบนพื้นดินบ้าง เมฆบ้าง
เทียบในสมันตมุข : เมื่อฝนตก ปรากฏสายฟ้า ฟ้าร้อง ฟ้าแลบและฟ้าผ่า เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร เหตุการณ์เหล่านั้นก็จะหมดพิษไปในทันที” (หน้า ๒๔๓ ข้อที่ ๑๖) ในภาษาจีนฉบับของท่านกุมารชีวะแปลไว้ว่า การประกอบด้วยศีลและความกรุณา เสมือนฟ้าร้องสะเทือน เมตตาจิตเสมือนเมฆใหญ่ที่ประเสริฐ โปรยฝนคืออมฤตธรรม ขจัดไฟแห่งกิเลสที่เร่าร้อน
อธิบาย : น้ำที่ใช้โปรยนั้น เป็นน้ำแห่งอมฤตธรรม ซึ่งคือพระนิพพาน อันมีสภาพสงบระงับ และเป็นทางที่ไม่ตาย

2 ความคิดเห็น: